หมายเหตุ ปฏิทินจันทรคติจีน ปฏิทินจีน พ. ศ. 2565/ค.
ด. ญ. บุณฑริกา วินัยจารึก 39 ป. 6/3 ด. ปัทมา ศรีสุทธิ์ 31 ป. 6/3
2455) ในช่วงแรก ดร. ซุน ยัตเซน เป็นประธานาธิบดี ได้มีประกาศล้มล้างกฎเกณฑ์ที่ใช้ยุคสมัยจักรพรรดิราชย์ หนึ่งในนั้นคือยกเลิกปฏิทินเก่า โดยเปลี่ยนวันหยวนต้าน (元旦) หรือ เทศกาลปี (年节) ซึ่งเดิมตรงกับ วัน 1 ค่ำ เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติจีน เป็นวันที่ 1 มกราคม วันขึ้นปีใหม่ ตามปฏิทินสุริยคติสากลแทน หลังจากนั้น 2 ปี (พ. 2457) หยวนซื่อไข่ เป็นประธานาธิบดี ได้กำหนด วันหยุด 4 ฤดูกาล (四季节假呈) มีประกาศเปลี่ยนวัน 1 ค่ำ เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติจีน หรือวันหยวนต้าน (元旦) เดิม เป็นวันตรุษจีน (春节) แทน ทำให้เทศกาลสารทลิบชุน หรือ วันตรุษจีนเดิม ที่มีมามากกว่าสองพันปีได้ค่อย ๆ สูญหายกลายเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งของสารทฤดูกาล, การเปลี่ยนปีนักษัตร ตามกฎเกณฑ์ปฏิทินจีนดั้งเดิม เปลี่ยนปีนักษัตรวันสารทลิบชุน (立春) ปี พ. 2565 เปลี่ยนปีนักษัตรจาก ปีฉลู (辛丑) เป็น ปีขาล (壬寅) ใน วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ. 2565 เวลา 03:50น.
เจิง เยว่ (正月), 2. เอ้อ เยว่ (二月), 3. ซาน เยว่ ( 三月), 4. ชื่อ เยว่ (四月), 5. อู่ เยว่ (五月), 6. 六月 (ลิ่ว เยว่), 7. ชี เยว่ (七月), 8. ปา เยว่ (八月), 9. จิ่ว เยว่ (九月), 10. สือ เยว่ (十月), 11. ดอง เยว่ (冬月), 12. หล้า เยว่ ( 腊月) [5] สารทจีนในแต่ละขวบปีจะมี 24 สารท แต่ละเดือนจะมี 2 สารท มีลำดับดังนี้ 1. สารทลิบชุน (立春), 2. สารทอู่จุ้ย (雨水), 3. สารทเก๋งเต็ก (驚蟄), 4. สารทชุนฮุน (春分), 5. สารทเช็งเม้ง (清明), 6. สารทก๊อกอู๋ (穀雨), 7. สารทลิบแฮ่ (立夏), 8. สารทเสี่ยวมั๊ว (小滿), 9. สารทมั่งเจ็ง (芒種), 10. สารทแฮ่จ็ง (夏至), 11. สารทเสี่ยวซู๊ (小暑), 12. สารทไต้ซู๊ (大暑), 13. สารทลิบชิว (立秋), 14. สารทซู่ซู๊ (處暑), 15. สารทแปะโล่ว (白露), 16. สารทชิวฮุน (秋分), 17. สารทฮั่งโล่ว (寒露), 18. สารทซึงกั่ง (霜降), 19. สารทลิบตัง (立冬), 20. สารทเสี่ยวเสาะ (小雪), 21. สารทไต้เสาะ (大雪), 22. สารทตังโจ่ย (冬至), 23. สารทเสี่ยวฮั้ง (小雪), 24.
() แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 17:07 น.
00 น. - 24. ของทุกวันเลย ** (ซอยเดียวกับที่ไปเกาะเกร็ดอ๊ะ) คุณหนานเกียรติ ได้โม่แบบเดียวกันเลยเนอะ ขอบคุณ คุณchompu ค่ะ ไว้ได้ไปปากเกล็ดคงต้องไปชิม แล้ว
ทำน้ำกะทิโดยผสม กะทิ, น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ควรใส่น้ำตาลทรายแค่ครึ่งเดียวก่อน ถ้ายังหวานไม่พอจึงค่อยใส่เพิ่มลงไป ต้มจนเดือด จึงหรี่ไฟลง นำบัวลอยที่ต้มไว้แล้วใส่ลงไปในน้ำกะทิ ต้มต่ออีกสักพักจึงปิดไฟ ถ้ามีมะพร้าวอ่อนก็ใส่ได้เลย พร้อมลูกบัวลอย (กรณีต้องการทำบัวลอยไข่หวาน ก็ตอกไข่ใส่ไปในหม้อหลังจากที่ใส่บัวลอยลงไป รอจนไข่สุกจึงปิดไฟ) 4. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยงาขาว เสริฟขณะร้อนหรือรอให้เย็นก็ได้
แบ่งแป้งให้เป็น 3 ส่วน ส่วนที่1 นวดแป้งผสมน้ำเปล่าและเผือกนึ่งสุก ส่วนที่2 นวดแป้งกับน้ำและฟักทองนึ่งสุก ส่วนที่3 นวดแป้งกับน้ำเปล่าและน้ำใบเตย นวดผสมให้เข้ากันแล้วนำไปปั้นเป็นก้อนกลมๆ 2. ใส่น้ำกะทะลงในหม้อเติมน้ำตาลและเกลือป่นคนผสมจนละลายนำขึ้นไฟพอเดือดแล้วรีบปิดทันที 3. ต้มน้ำเปล่าในหม้อจนเดือดนำบัวลอยลงต้มทีละสีจนลอยขึ้นมาจากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำใส่ลงในถ้วยตักกะทิที่เตียมไว้ใส่ลงไป 4.
adminrugs.com, 2024