เมื่อวันที่ 11 ต. ค. 64 กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เงินบาทสัปดาห์นี้ (11-15 ต. 64) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33. 50-34. 10 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 33. 88 บาทต่อดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 33. 66-33.
70-33. 80 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้หากตลาดไม่ได้อยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงไปมาก เงินบาทก็อาจไม่ได้เผชิญแรงกดดันจนอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้ง่าย ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง แนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ ใช้ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
6% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า และการว่างงานลดลงสู่ 4. 8% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1, 917 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 1, 452 ล้านบาท ทั้งนี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ รายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 21-22 ก. ย. 64 รวมถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย โดยแม้ตำแหน่งการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือน ก. ย. แต่อัตราค่าจ้างและการว่างงานที่สดใสเกินคาด สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดใกล้จะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนที่วางไว้ ในภาวะเช่นนี้กรุงศรีคาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะได้รับแรงหนุนเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี ในระยะหลายสัปดาห์ข้างหน้าตลาดอาจเคลื่อนไหวผันผวนสูงขึ้น โดยนักลงทุนจะติดตามการตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่าจะต่ออายุตำแหน่งประธานเฟดสำหรับนายเจอโรม พาวเวลล์อีกหนึ่งสมัยหรือไม่ โดยหากมีการเปลี่ยนประธานเฟด จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐฯ และเงินดอลลาร์อาจย่อตัวลง สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 1.
การเงิน 12 เม. ย. 2564 เวลา 7:35 น. 433 ตลาดลดการถือครองเงินบาท ท่ามกลางความกังวลปัญหาการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19ในไทย กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง และตลาดแกว่งตัวกรอบกว้างก่อนหยุดยาวช่วงสงกรานต์ พร้อมจับตายีลด์ 10 ปีอาจกลับมาเร่งตัวและยังคงต้องติดตามสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ ที่ระดับ 31. 49 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลง จากระดับปิดตลาดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 31. 47 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31. 40 - 31. 55 บาทต่อดอลลาร์ และสัปดาห์นี้ที่ระดับ 31. 25 - 31.
57 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) สหรัฐฯ มีแรงหนุนจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดที่มีท่าทีสนับสนุนความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 basis points เพื่อสกัดแรงกดดันเงินเฟ้อของสหรัฐฯ โดย ในส่วนของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ระยะ 10 ปี ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 2. 80% แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 33. 70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และอัตราเงินเฟ้อ เดือนมี. ค. ของสหรัฐฯ (ตลาดคาด US CPI +8. 4% YoY)
49% กดดันโดยแรงเทขายหุ้นเทคฯ เช่นเดียวกันกับฝั่งสหรัฐฯ นำโดย Adyen -5. 1%, ASML -3. 0% ทั้งนี้ เราคงมองว่า ในระยะสั้น ตลาดหุ้นยุโรปยังคงความผันผวนจากความกังวลสถานการณ์สงครามและการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่มีความคืบหน้ามากขึ้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปมากนัก ซึ่งนักลงทุนอาจพิจารณาชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปไปก่อนได้ ส่วนทางด้านฝั่งตลาดบอนด์ แนวโน้มเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะการเร่งลดงบดุล (QT) ได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 2.
ที่ 31. 80-32. 70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/64 และข้อมูลการส่งออกเดือนม. ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนของต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้/การใช้จ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Indices เดือนม. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/64 (prelim. ) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามสถานการณ์ในยูเครน การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ของธนาคารกลางจีน รวมถึงข้อมูลเบื้องต้นของดัชนี PMI เดือนก. ของยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(21ก. ) ที่ระดับ32. 16บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 32. 18 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32. 00-32. 40 บาทต่อดอลลาร์และกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.
3bps มาที่ระดับ 0. 85% เนื่องจากตัวเลขการกระบาดของไวรัสอยู่ในระดับสูง จนมีความกังวลว่าหลายประเทศอาจต้องทยอยปิดการเดินทางมากขึ้นในช่วงปลายปี ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท หลังจากอ่อนค่าเร็วก็เคลื่อนไหวในกรอบแคบลง ช่วงเช้าวันนี้ต้องจับตาทิศทางนโยบายป้องกันการเก็งกำไรด้านอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทยเพิ่มเติม ส่วนในระยะยาวถ้านักลงทุนต่างชาติยังให้ความสนใจกลับเข้าลงทุนในหุ้นไทยอยู่ เงินบาทก็จะแข็งค่าต่อได้ในปี 2021 ด้าน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทปรับตัวอยู่ในกรอบประมาณ 30. 33-30. 39 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังเปิดตลาดในช่วงเช้าวันนี้ (20 พ. ) ใกล้เคียงระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 30. 40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอาจทรงตัวในกรอบระมัดระวัง ขณะที่ตลาดรอประเมินรายละเอียดของมาตรการดูแลเสถียรภาพค่าเงินในวันนี้ รวมถึงสัญญาณการเข้าดูแลเพื่อลดความผันผวนของเงินบาทในระยะสั้นของธปท. สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 30. 10-30. 50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยอื่นที่ต้องติดตามเพิ่มเติมจะอยู่ที่สถานการณ์โควิด-19 ที่มีสัญญาณเสี่ยงมากขึ้นในหลายประเทศ
มองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-4% ในปี 2563 สำหรับปี 2562 คาดการณ์การเติบโตของ GDP ได้ปรับลงมาที่ 2. 8% จากเดิม 3. 3% โดยคาดการณ์ภาคส่งออกจะหดตัวราว 1. 0% และคณะกรรมการยังปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2563 มาที่ 3. 3% จากเดิม 3. 7% แต่มองว่าส่งออกน่าจะขยายตัว 1. 7% ในปีหน้า คณะกรรมการกนง. มีกำหนดการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ความเห็นของ กนง. ในวันนี้มีท่าทีไม่แตกต่างจากการประชุมเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ผลการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์แสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการยังคงกังวลในเรื่องผลกระทบจากการปล่อยให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำเป็นเวลานาน ทั้งนี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ มีความเห็นว่า กนง. ยังคงต้องการรอดูสถานการณ์ก่อน ขณะที่เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่ กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาที่ 1. 25% ในช่วงปลายปี โดยเฉพาะถ้าเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มขาลง และคาดว่าการปรับลดดอกเบี้ยในไตรมาส 4/2562 น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของการปรับลดดอกเบี้ยในรอบนี้
adminrugs.com, 2024