ของกระสอบไม่ต้องกดให้แน่น นำไปวางลงในที่มีฟางรอง เพื่อการระบายอากาศในส่วนส่วนล่างพลิกกลับกระสอบ ในวันที่ 2, 3, 4 ทุกๆ วัน ในวันที่ 2 – 3 อุณหภูมิ จะสูงถึง 50 0c – 60 0c วันที่ 4 และวันที่ 5 อุณหภูมิเย็นลงจนปกติตรวจดูไม่ให้อุณหภูมิเกิน 36 0c ปุ๋ยแห้งสนิทสามารถนำไปใช้ได้ การเก็บรักษา เก็บรักษาเมื่อโบกาฉิแห้งสนิทควรเก็บรักษาในที่ร่ม ไม่โดนฝนและไม่โดนแดด สามารถเก็บรักษา ได้นานประมาณ 1 ปี วิธีใช้ 1. ใช้ปุ๋ยแห้งในแปลงปลูกต้นไม้ทุกชนิดในอัตราส่วนปุ๋ยแห้ง 1 กำมือ/พื้นที่ 1 ตรม. แล้วทำการเพาะปลูกได้ 2. พืชผักที่มีอายุเกิน 2 เดือน เช่น ฟักทอง, แตงกวา, ถั่วฝักยาว, กระหล่ำปลี ใช้ปุ๋ยแห้งรองก้นหลุมก่อนปลูกใช้ประมาณ 1 กำมือ 3. ไม้ยืนต้น, ไม้ผล ควรรองก้นหลุ่มด้วย เศษหญ้า – ใบไม้ ฟางแห้ง และปุ๋ยแห้งประมาณ 1 – 2 บุ้งกี๋ ส่วนไม้ยืนต้น, ไม้ผลที่ปลูกแล้วให้ใส่ปุ๋ยแห้ง ให้รอบทรงพุ่มแล้วคลุมด้วยเศษหญ้า ใบไม้แห้ง, ฟางแห้ง 4. ไม้ดอก, ไม้ประดับ, ไม้กระถาง ควรใส่ปุ๋ยแห้งสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ รอบๆ โคนต้น ข้อควรจำ เมื่อใช้ปุ๋ยแห้ง (โบกาฉิ) ต้องใช้ปุ๋ยน้ำฉีดพ่นด้วยเสมอ เพื่อให้จุลินทรีย์ ที่พักตัวทำงานได้ดี สูตรน้ำซาวข้าว 1.
ตัดใบออกจากกิ่งเสียบ้าง โดยเฉพาะกิ่งตอน ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำ บางทีกิ่งตอนดูดน้ำไม่ทัน ใบอาจจะเหี่ยวได้ 2. แกะผ้าพลาสติกที่หุ้มกิ่งตอน และตัดเชือกพลาสติกที่มัดกาบมะพร้าวออก ถ้าเป็นกิ่งทาบหรือกิ่งติดตาก็ควรฉีกถุงพลาสติกออก 3. ถ้ากิ่งทาบ กิ่งติดตาอยู่ในกระถาง อาจทุบกระถางให้แตก หรือคว่ำกระถางใช้มือรองรับกิ่งทาบ แล้วดันก้นกระถางผ่านรูระบายไล่ให้กิ่งทาบหลุดออกมา ยืดรากที่ม้วนคดเคี้ยวให้กางและแผ่ออก 4. ทำหลุมเล็ก ๆ บนผิวดินในหลุมที่เตรียมไว้แล้วนำกิ่งไม้ผลลงมาปลูก 5. การปลูกต้องปลูกตื้น ๆ คือปลูกให้เสมอหรือพอมิดแนวดินเดิมที่ติดมากับกิ่งทาบ 6. กลบดินให้แน่นพอควร 7. ทำหลักไม้ใช้เชือกผูกยึดต้นไม้ผลให้แข็งแรงและยืนตรงตามแนวที่ต้องการ 8. ใช้บัวรดน้ำให้ชุ่ม ถ้าบริเวณนั้นมีมดและปลวกมาก ก็ควรใช้ยาพวกเชลล์ไดร้ท์ละลายน้ำจาง ๆ หรือใช้ยาออลเดร็กซ์ 40 ละลายน้ำรดบริเวณโคนต้นเพื่อป้องกันมดปลวกมากัดกินรากของไม้ที่ปลูก 9. ทำร่มหรือกระโจมกันแดดไว้ประมาณ 5-7 วัน ถ้ามีเข่งลูกโต ๆ อาจใช้เข่งคลุมไว้ก็ได้ พอตกกลางคืนค่อยเปิดเข่งให้ต้นไม้ได้รับน้ำค้างด้วย 10. ต้องคอยตรวจดูกิ่งทาบและกิ่งติดตา อย่าให้มีแขนงแตกออกมาจากต้นตอเดิม เพราะแขนงนั้นคือพันธุ์พื้นเมือง ถ้ามีแขนงแตกจากต้นตอเดิมต้องตัดทิ้งให้หมด 11.
กิ่งตอน เป็นกิ่งไม้ผลพันธุ์ดี ที่ตอนมาจากต้นเดิมและมีรากเพียงพอ กิ่งตอนนี้ จะให้ผลิตผลที่มีคุณภาพเหมือนต้นแม่เดิมร้อยเปอรเซ็นต์ คือไม่มีการกลายพันธุ์ และให้ผลเร็วกว่าการปลูกด้วยเมล็ด แต่มีข้อเสียที่ว่าต้นที่ปลูกจากกิ่งตอนจะไม่มีรากแก้ว ถ้ามีลมแรงและดินอ่อนอาจจะโค่นล้มได้ง่าย และต้นไม้มักจะอายุสั้นกว่าการปลูกด้วยเมล็ด หรือจากการทาบกิ่ง และติดตา 2. กิ่งทาบ หรือกิ่งเสียบทาบ เป็นกิ่งที่เตรียมโดยใช้เมล็ดปลูกเป็นต้นตอไว้ก่อน ต้นตอที่ใช้มักเป็นพืชพันธุ์พื้นเมืองที่มีระบบรากดี หาอาหารเก่ง และทนทานต่อดินฟ้าอากาศ เมื่อเลี้ยงต้นตอไว้ได้ขนาดประมาณเท่านิ้วก้อยหรือนิ้วชี้ ก็นำไปทาบติดกับไม้ผลพันธุ์ดี ดังนั้นกิ่งทาบจึงเป็นไม้ผล 2 กิ่งมาต่อกัน ส่วนบน (ยอด) เป็นไม้ผล พันธุ์ดี ส่วนล่าง (โคนและราก) เป็นพันธุ์พื้นเมืองหรือพันธุ์ที่ไม่จำเป็นต้องรู้จัก กิ่งทาบมีข้อดีหลายประการ เพราะมีระบบรากแข็งแรง และมียอดที่เป็นพันธุ์ดี ซึ่งจะให้ผลิตผลที่มีคุณภาพ เหมือนต้นเดิมทุกประการ เราจะได้ไม้ผลที่แข็งแรงให้ผลเร็ว ลูกดก อายุยืน และไม่โค่นล้มง่าย 3. กิ่งติดตา หรือต้นตอตา เป็นกิ่งที่เตรียมโดยใช้เมล็ดปลูกเป็นต้นตอไว้ก่อน ต้นตอที่ใช้มักเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่มีระบบรากดี หาอาหารเก่ง และทนทานต่อดินฟ้าอากาศ เมื่อเลี้ยงต้นตอไว้ได้ขนาดประมาณเท่านิ้วก้อยหรือนิ้วชี้ ก็นำตาจากไม้ผลพันธุ์ดีมาติดลงบนต้อตอ เราอาจจะย้ายไปปลูกขณะที่ตายังไม่แตก หรือจะรอจนตาแตกออกมาเป็นกิ่งติดตาก็ได้ ดังนั้นกิ่งติดตา หรือต้นตอตา จึงเป็นไม้ผล 2 กิ่งมาต่อกัน ส่วนบน(ยอด) เป็นไม้ผลพันธุ์ดี ส่วนล่าง (โคนและราก) เป็นพันธุ์พื้นเมือง กิ่งติดตามีข้อดีหลายประการเพราะมีระบบรากแข็งแรง มียอดเป็นไม้ผลพันธุ์ดี เราจะได้ต้นไม้ผลที่แข็งแรง ออกลูกเร็ว ลูกดก อายุยืน และไม่โค่นล้มง่าย 4.
การให้ปุ๋ยตามตาราง เป็นการคำนวณช่วงระยะเวลาทั้งหมดของการใช้ปุ๋ย/ต้น ตลอดระยะเวลาการดูแลตั้งแต่ระยะเป็นหัวไม้ขีด จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต 2. หากติดผลมากให้ใส่เพิ่ม หากติดผลน้อยให้ลดปริมาณการให้ปุ๋ยลง 3. การใส่ปุ๋ยให้แบ่งใส่ 2 - 3 ครั้ง ในปริมาณที่เท่าๆ กัน แ่ละให้สปริงน้ำตามทันที เพื่อป้องกันการศูนย์เสียธาตุอาหารไปกับความร้อน หรือ 4. หากต้นไม้แสดงอาการขาดธาตุอาหาร หรือได้รับธาตุอาหารประประเภทเกิน ให้ปรับลด หรือปรับประเภทของการให้ธาตุอาหารทันที อย่างไรก็ตาม ค วรมีการสุ่มนำดินภายในสวนลำไย รวมถึงการนำตัวอย่างใบของช่อลำไย ไปวิเคราะห์หาปริมาณธาตุอาหาร เพื่อจะได้นำมาประกอบการพิจารณาปรับ หรือเพิ่ม หรือหาธาตุอาหารอื่นๆ (จุลธาตุ) มาเพิ่มเติมตามความเหมาะสมต่อไป ไว้จะกลับมาเขียนต่อ... นะคะ
ระยะมีขนาดเท่าหัวไม้ขีด หรือเมล็ดถั่วเขียว (ถ้าช่วงทำดอกลำไย ได้เช่าผึ้งพันธุ์มา ก็ให้รีบคืนไปซะก่อน) ให้พ่นสารป้องกัน กำจัดแมลง 1 ครั้ง 2. ระยะหัวเท่าเมล็ดถั่วเหลือง ให้ดัดแต่งช่อผลลำไยให้มีปริมาณลดลง เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลผลิต ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น 3. ระยะเท่าลูกมะเขือพวง ดูแลป้องกันโรค และแมลงโดยเฉพาะแมลงในกลุ่มเพลี้ย ซึ่งจะมาเจาะก้านก้านดอกแมลงเพื่อดูดน้ำเลี้ยง และขับน้ำเลี้ยงส่วนเกินหยดตามใบ ทำให้เกิดราดำขึ้น เป็นเขม่าเกาะตามใบ 4. ระยะเท่าเหรียญ 1 บาท ระยะนี้ลำไยจะเริ่มเปลี่ยนสีของเม็ดเป็นสีน้ำตาล พร้อมที่จะสร้างเนื้อลำไยขึ้นภายในผลลำไย 5. ระยะเท่าเหรียญ 5 บาท ระยะดูแลคุณภาพผลผลิต 6. ระยะเท่าเหรียญ 10 บาท ระยะดูแลผลผลิต และก่อนการเก็บเกี่ยว 7.
ถั่วเหลืองเมล็ดแห้ง (บด) ๑ กิโลกรัม ๒. สับปะรด ๒ กิโลกรัม ๓. กากน้ำตาล ๓ กิโลกรัม ๔. น้ำชาวข้าว หรือน้ำมะพร้าว ๑๐ ลิตร ๕. จุลินทรีย์หน่อกล้วย ๑ กิโลกรัม วิธีทำ / วิธีใช็ ๑. ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน หมัก ๑๕ วัน (คนทุกวัน) ๒. ใช้ทางดิน ปุ๋ย ๑ ลิตร ต่อน้ำ ๕๐๐ ลิตร ปุ๋ย ๔ ช้อน ต่อน้ำ ๒๐ ลิตร ๓. ใช้ทางใบ ปุ๋ย ๑ ลิตร ต่อน้ำ ๑, ๐๐๐ ลิตร ปุ๋ย ๒ ช้อน ต่อน้ำ ๒๐ ลิตร ๔. ปุ๋ยยูเรียน้ำ ๕ ลิตร เท่ากับปุ๋ยสูตร 46-0-0 แหล่งที่มา: นายอธีศพัฒน์ วรรณสุทธิ์ นักปราชญ์ชาวบ้าน จากมูลนิธิชัยพัฒนา ขอบคุณ
เป็นเพราะมีอะไรในตัวเองกับ 11 ว่าผลิตภัณฑ์ที่ขายที่ BIOSOIL ปุ๋ยอินทรีย์ไบโอซอยล์สำหรับไม้ดอก-ไม้ใบ-ไม้ผล 3KG ปุ๋ย ORGANIC WORM MILL FERTILIZER เมล็ดพันธุ์ เพียงเจ้าของ 2 ครั้งเช่น? หากคุณซื้อให้จับตาดูเมทริกเหล่านี้และอย่าลืมแบ่งปันประสบการณ์ของคุณกับคนอื่น ๆ.
สูตรปุ๋ย ฮอร์โมนเร่งดอก ผล กำจัดไล่แมลง.!! สูตรปุ๋ย ฮอร์โมน สารไล่แมลง.. การขยายจุลินทรีย์ EM 1. จุลินทรีย์ EM 2 ช้อนโต๊ะ 2. กากน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ 3. น้ำสะอาด 1 ลิตร วิธีทำ ผสมจุลินทรีย์ EM กากน้ำตาล และน้ำเข้าด้วยกัน ใส่ขวดพลาสติกชนิดฝาเกลียวปิดฝาให้แน่น เก็บไว้ 3 – 5 วัน จะเป็นหัวเชื้อขยายเป็นการนำจุลินทรีย์มาขยายให้ได้จำนวนมาก ลดต้นทุนนำไปใช้หรือขยายต่อได้อีก (เก็บไว้ได้นาน 3 เดือน) วิธีใช้ ใช้ทำปุ๋ยน้ำ ฮอร์โมน สารไล่แมลง และปุ๋ยแห้ง ฯลฯ หมายเหตุ 1 แก้ว ประมาณ 250 ซีซี 1 ช้อนโต๊ะ ประมาณ 10 ซีซี การทำฮอร์โมนผลไม้ 1. มะละกอสุก 2 กก. / สัปรดสุก 2. ฟักทองแก่จัด 2 กก. 3. กล้วยน้ำว้าสุก 2 กก. 4. จุลินทรีย์ EM 1 แก้ว 5. กากน้ำตาล 1 แก้ว 6. น้ำสะอาด 1 ถัง หรือ 10 ลิตร วิธีทำ สับมะละกอ ฟักทอง กล้วยทั้งเปลือกและเมล็ดให้เข้ากันผสม EM และกากน้ำตาล อย่างละ 1 แก้ว ใส่น้ำ 10 ลิตร หรือ 1 ถัง คนให้เข้ากันปิดฝาให้แน่น หมักไว้ 7 – 8 วัน เปิดก๊อกแล้วกรองใส่ขวดเก็บได้นาน 3 เดือน วิธีใช้ 4 – 5 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 10 ลิตรหรือถัง 1 ถัง ฉีด พ่น ราด จะทำให้ดอกติด ผลดก ขนาดโต น้ำหนักดี รสชาติอร่อย การทำฮอร์โมนยอดพืช 1.
adminrugs.com, 2024